สมัยอยุธยา
ประวัติอยุธยา
โดยย่อ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือเรียกสั้นๆ ว่า
"อยุธยา" ตั้งอยู่ในภาคกลางเป็นเมืองหลวงเก่าของไทย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.
1893 โดยสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง หรือ สมเด็จพระราคมธิบดีที่ 1 ในเวลา 417
ปีที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีกษัตริย์ปกครอง 33 พระองค์ จาก 5 ราชวงศ์ คือ
ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย ราชวงศ์ปราสาททอง
และราชวงศ์บ้านพลูหลวง นับเป็นราชธานีของไทยที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ภูมิประเทศ
อยุธยาเป็นที่ลุ่ม ไม่มีภูเขา
แต่มีแม่น้ำสายใหญ่คือ แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำเจ้าพระยา
ไหลมาบรรจบกันในลักษณะล้อมรอบเมือง
ตัวจังหวัดเป็นเกาะที่มีบ้านเรือนปลูกเรียงรายหนาแน่นตามสองข้างฝั่งแม่น้ำ
อยุธยาห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 76 กม. มีเนื้อที่ประมาณ 2,556 ตรกม.
การปกครอง
มี 16 อำเภอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา
อำเภอนครหลวง อำเภอภาชี อำเภอบ้านแพรก อำเภอบางซ้าย อำเภอบางไทร อำเภอลาดบัวหลวง
อำเภอบางบาล อำเภอมหาราช อำเภอบางปะหัน อำเภอเสนา อำเภออุทัย อำเภอบางปะอิน
อำเภอผักไห่ อำเภอท่าเรือ และอำเภอวังนัอย
เกษตรกรรม ปศุสัตว์
- พื้นดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงและเหมาะต่อการเพาะปลูกโดยเฉพาะการปลูกข้าว
- ข้าวเป็นผลิตผลที่สำคัญ
ใช้แรงงานคนและสัตว์เป็นหลัก
ใช้บริโภคภายในเป็นสำคัญ
- รัฐมีนโยบายสนับสนุนให้ราษฎรเข้าไปทำกินในที่ดินว่างเปล่า
- ตรากฎหมายคุ้มครองผลผลิตของราษฎรโดยเฉพาะข้าว
- ตรากฎหมายคุ้มครองสัตว์มีคุณ เช่น ช้าง
ม้า วัว ควาย เป็นต้น
- การเกษตรเป็นเศรษฐกิจหลักที่ทำให้อยุธยามีความรุ่งเรือง
บ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้า ทำให้อยุธยาขยายอาณาเขตประเทศออกไปอย่างกว้างขวาง
- ให้กำลังใจชาวนาโดยประกอบพระราชพิธีเช่น
พืชมงคล จรดพระนังคัล แรกนาขวัญ พิรุณศาสตร์
- ประชาชนประกอบอาชีพประมงทุกครัวเรือน
ในสมัยพระเจ้าบรมโกศ มีประกาศห้ามจับสัตว์น้ำในวันพระขึ้น 8 ค่ำ และ 15 ค่ำ
- เครื่องเทศโดยเฉพาะพริกไทย
เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่งขายต่างชาติมาก ในสมัยพระนารายณ์ฯ
มีการทำสัญญาให้สิทธิแก่ฝรั่งเศสในการผูกขาดการซื้อพริกไทย
- หมาก พลู ส่งไปขายยังมะละกาและจีน
- ทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจ
การตัดมีโทษปรับสูง
เกร็ดความรู้
ตลอดระยะเวลา
417
ปีที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีแห่งราชอาณาจักรไทย
มิได้เพียงเป็นช่วงแห่งความเจริญสูงสุดของชนชาติไทยเท่านั้น
แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์อารยธรรมของหมู่มวลมนุษย์ชาติ
ิซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่นานาอารยประเทศอีกด้วย
แม้ว่ากรุงศรีอยุธยาจะถูกทำลายเสียหายจากการสงครามจากประเทศเพื่อนบ้านและจากน้ำมือการบุกรุกขุดค้นของพวกเรากันเองแล้ว
ส่วนที่ปรากฏ ในปัจจุบันนี้ยังมีร่องรอยหลักฐานซึ่งแสดงให้เห็นอัจฉริยภาพ
และความสามารถยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษแห่งราชอาณาจักรผู้อุทิศตนสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรือง
ทางศิลปวัฒนธรรมและความมั่งคั่งไว้ให้แก่ผืนแผ่นดินไทยหรือแม้แต่ชาวโลกทั้งมวล
ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า ยูเนสโก้(UNESCO) โดยคณะกรรมการมรดกโลกได้มีมติรับนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งใจกลางกรุงศรีอยุธยาที่ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์
มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ไว้ในบัญชีมรดกโลก เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534 ณ กรุงคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย
พร้อมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร
ซึ่งจะมีผลให้ได้รับความคุ้มครอง ตามอนุสัญญาที่ประเทศต่างๆ ได้ทำร่วมกัน
จึงสมควรที่อนุชนคนรุ่นหลังน่าที่จะ ได้ไปศึกษาเยี่ยมชมเมืองหลวงเก่าของเราแห่งนี้
สถานที่ท่องเที่ยวของพระนครศรีอยุธยาส่วนใหญ่เป็นโบราณสถานได้แก่
วัดและพระราชวังต่างๆ พระราชวังในพระนครศรีอยุธยามีอยู่ 3 แห่ง คือ พระราชวังหลวง
วังจันทรเกษมหรือวังหน้า และวังหลัง นอกจากนี้ยังมีวังและตำหนักซึ่งเป็นที่สำหรับเสด็จประพาสอยู่นอกพระนครศรีอยุธยา
ได้แก่ พระราชวังบางปะอิน และตำหนักนครหลวง ที่อำเภอนครหลวง
เครดิส: ข้อมูล
http://www.ayutthaya.org/history/
ขออนุญาติเจ้าของรูปภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น